โรงพยาบาลประจำมหาลัยแทพย์หญิงโตเกียว
เกิดเหตุแพทย์ราว 100 คนลาออกกันยกกลุ่ม
จนเป็นเรื่องพูดถึงกัน
มาลาออกกันทั้งๆที่ตอนนี้ยังมีโรคระบาดกันอยู่
ทำไมถึงไม่คิดถึงผู้ป่วยกันบ้างเลย
ทั้งๆที่ทั้งมหาลัยและโรงพยาบาลนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมาก
ทั้งมีขนาดใหญ่ บริการก็ระดับหนึ่ง และมีหลายสาขา
สาเหตุที่ทำให้พวกเขาลาออกนั้นคือ!!!
....................
..............
............
.......
.....
....
..
.
.................. ชื่อเสียงแม่งกินไม่ได้
-----------------------------
เล่าย่อๆ
ปีก่อน พยาบาล 400 คนลาออกเพราะไม่จ่ายโบนัสช่วงหน้าร้อน
ในกรณีที่คุณอายุ 30
เงินเดือนเฉลี่ยของแพทย์อยู่ที่ 2.6 แสนเยน
เทียบกับโรงพยาบาลอื่นที่ 4-5 แสน
ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะต่ำ
แต่คุณสามารถใช้ชื่อเสียงของโรงพยาบาลมาระดมทุนวิจัยได้มาก
เลยทำให้มีนักวิจัยมาอยู่กัน
แต่มันก็ไม่พอกินพอใช้
แพทย์ส่วนใหญ่เลยต้องไปรับงานนอกกันเป็นปกติ
พอออกไปทำวันนึงก็ได้เงินกันประมาณ 8หมื่น-1แสนเยน
ซึ่งอัตราจ้างที่สูงกว่าลิบนี้
แลกกับการที่ความรับผิดชอบในการรักษาพลาด
ที่แพทย์ต้องมาเป็นคนแบกรับค่าประกันเอง
เมื่อรวมกับค่าสมาชิกสมาคมต่างๆที่จำเป็น
ทำให้แพทย์มีค่าใช้จ่ายราวแสนเยนต่อปีที่ต้องแบกกันเอง
แล้วเงินที่เหลือติดมือก็มีกันไม่เท่าไหร่
----------------------
ซึ่งการปล่อยให้แพทย์รับงานนอกได้
ในฐานะ [วันทำวิจัย]
ถือเป็นเรื่องปกติของวงการ เพื่อแลกกับค่าจ้างราคาถูกลง
แต่มหาลัยดังกล่าวประกาศมาตรการใหม่
ถ้าคุณรับงานนอก เราจะลดเงินเดือนคุณ
ซึ่งการปรับนั้นก็สืบเนื่องมาจาก
มาตรการด้านแรงงานแพทย์ของอันใหม่ของรัฐเอง
ที่ทำให้ [วันทำวิจัย] นั้นหายไป
ถ้าจะทำงานต่อ ทางเลือกมีอยู่ 2 อัน
1. รับเงินเท่าเดิม แต่ต้องเลิกงานนอกที่มีรายได้ราว 3-4 แสนต่อเดือน
2. รับงานนอกต่อ
แต่ต้องยอมลดค่าจ้างเหลือ 80%
ตามสัดส่วนจำนวนวันที่ออกไปรับงานนอก
เลยทำให้แพทย์ร่วม 100 คน
ตัดสินใจลาออกในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
----------------------
ซึ่งแพทย์หลายๆคนที่ตัดสินใจออกทันทีนั้น
เพราะถ้าทำงานแบบนี้ต่อไป
จะไม่สามารถหาเงินมาจ่ายคืนทุนการศึกษาและค่าผ่อนบ้านได้ด้วย
โดยเฉพาะจากปีนี้
ที่มหาลัยได้ขึ้นค่าเล่าเรียน 6 ปี
จาก 12 ล้านเยนเป็น 47 ล้านเยน
------------------
ทนายความให้ความเห็นว่า
ถ้าเราดูเอกสารของมหาลัย
มันมีการระบุชัดเจนว่าเขายอมรับการถือวันวิจัยให้เป็นวันรับงานนอกได้
การมาเปลี่ยนทีหลังแบบนี้
ถือว่าเข้าข่ายการลดสิทธิอย่างไม่เป็นธรรม
---------------
ซึ่งทนายทางฝั่งมหาลัยอ้างว่า จำเป็นต้องตัดงบต่างๆ
เช่นเรื่องโบนัสหน้าร้อนที่ไม่จ่าย
เพราะ COVID ทำให้มหาลัยขาดทุนถึง 30 ล้านเยนอยู่
แต่ถ้าเราไปตรวจสอบบัญชี
จะพบว่า ข้อกล่าวอ้างว่าจะขาดทุน 30 ล้านเยนนั้น
เป็นในกรณีที่จะมีการจ่ายโบนัสเท่าปีก่อนแล้วต่างหาก
และมาตกลงกันที่จะยอมจ่ายเท่าจำนวนเงินเดือนเดือนเดียวแทน
--------------------------
โดยผู้อำนวยการคนปัจจุบันเป็นคนสกุลเดียวกันกับผู้ก่อตั้ง
และรับตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2014
และดำเนินการตัดงบประมาณบุคลากรมาโดยตลอด
จาก 46.9% ในปี 2015
เหลือ 38.9% ในปี 2019
รวมงบประมาณแล้ว ปี 2020 มีกำไรราว 5000 ล้านเยน
เลยทำให้ทั้งผู้บริหารและแพทย์
ยอมรับการตัดงบประมาณได้
แต่ผลกำไรที่ได้มา
กลับไม่ได้ถูกนำกลับมาใช้เพื่อสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ต่อ
แล้วเอามาใช้ลงทุนกับ
การก่อสร้างขยายหรือรื้อถอนปรับแต่งสถานที่แทน
แถมยังมาขอเงินบริจาคจากเจ้าหน้าที่คนละ 3 แสนเยน
เพื่อมาร่วมทบทุนก่อสร้างนี้ด้วย
-----------------------
แพทย์ที่แสดงความไม่พอใจบอก
เรามาทำงานโรงพยาบาลของมหาลัย
ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินดี
แต่ทำไปเพราะคุณภาพการรักษานั้นดีเยี่ยม
และเราทำวิจัยเพื่อเพิ่มคุณภาพการรักษาให้ผู้ป่วยได้
แต่มันเป็นเรื่องพิสูจน์กันได้แล้วว่า
คณะผู้บริหารตอนนี้นะ
เขาเอนเข็มทิศการบริหารไปที่เรื่องอื่นกันแล้ว
-----------------------------
ผู้เขียนบทความ
ปิดท้ายด้วยการตั้งข้อสงสัยกับมาตรการของรัฐ
ว่ากฏหมายใหม่นะ
มันออกมาเพื่อทำให้แพทย์ไม่ต้องออกไปรับงานนอก
ก็มีพอกินพออยู่ได้ไม่ใช่หรือไง
แล้วทำไมผลมันถึงออกมาเป็นอย่างนี้
